หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

หมู่เกาะสิมิลัน (Similan Island)

Similan Island

     The Similan Islands is regularly voted one of the top ten tourist destinations in the world for diving and snorkeling. It is easily reached from Phuket and Khao Lak between the months of November and May.

  White sand beaches fringe the nine islands in the Koh Similan National Marine Park which always has clear warm water, perfect for swimming. There are shallow reefs suitable for all experience levels of snorkeler. Reefs are a mix of hard and soft corals, sea fans, sponges, crinoids and anemones.     The Similan islands reefs are home to the largest schools of fish found anywhere in Thailand.
   There are more challenging dive sites suitable to experienced scuba divers and free divers. Large granite boulder formation screate spectacular underwater seascapes.There are caverns and swim through’s. To the north of the Similan Islands chain is the Surin Islands marine national park and the small islands of Koh Bon and Koh Tachai. These islands are equally popular with divers and snorkelers.

  Accommodation at the Similan Islands is limited to national park bungalows and tents. Accommodation is located on island number eight and island number four. Or you can stay on a liveaboard boat. Boat trips are available on a join in or a private charter basis.
Day trips are available from November until the first week of May. From May until October the Similan Islands Marine Park is closed.


มู่สิมิลั

     อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ที่ ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี (ที่ทำการอุทยาน ตั้งอยู่ที่ ตำบล ลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง) ครอบคลุมพื้นที่ 80,000 ไร่ คำว่า "สิมิลัน" เป็นภาษายาวี หรือ มลายู แปลว่า เก้า หมู่เกาะสิมิลัน เป็นหมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลอันดามันมี 9 เกาะ เรียงจากเหนือ มา ใต้ คือ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยันเกาะเมี่ยง เกาะปายู เกาะหัวกะโหลกเกาะสิมิลัน และเกาะบางู หมู่เกาะสิมิลัน ได้รับการยกย่อง ว่าเป็น หมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ มีปะการังที่สวยงามหลายชนิด สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและ น้ำลึก สามารถพบปลาที่หายาก เช่น วาฬ โลมา ปลาไหลมอเร่ (moray) แนวปะการังที่พบในเขต อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลัน เป็นแนวปะการังน้ำลึก มีความหลากหลายของชนิดปะการังมาก เช่น ปะการังเขากวาง แปรงล้างขวด และปะการัง Seriatopora histrix พบเป็นชนิดเด่นในขณะที่หมู่เกาะอื่น ไม่พบปะการังในกลุ่มนี้เลย (ยกเว้นหมู่เกาะสุรินทร์) บริเวณที่มี แนวปะการัง ได้แก่ เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายเกาะเมียง เกาะห้า เกาะปายังเกาะปาหยัน และเกาะหูยง นอกจากปะการังแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่อาศัยรวมอยู่ในแนวปะการังอีก หลายชนิด ที่สามารถพบได้ทั่วไป ได้แก่ ฟองน้ำ ปะการังอ่อน กัลปังหา ดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ หมึก กุ้งมังกร และปู สำหรับปลาในแนวปะการังได้้มีการสำรวจและพบอย่างน้อย 54 ชนิด เช่น ปลากะรัง ปลากะพง ปลาหมูสี ปลาสร้อยนกเขา ปลาผีเสื้อ ปลานกขุนทอง เป็นต้น ช่วงเดือนที่น่าเที่ยวมากที่สุด คือช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนเมษายน นอกจากนั้นจะประกาศปิดเกาะ





















กำหนดปิด-เปิดฤดูการท่องเที่ยวประจำปี ดังนี้ 
ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม - 31 ตุลาคม ของทุกปี
เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 30 เมษายน ของทุกปี



การเดินทางไป เกาะสิมิลัน


ทางรถยนต์
ออกเดินทางจาก กทม. จนถึงเส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ช่วงระนอง - พังงา ) มาทางตะกั่วป่า จากตะกั่วป่ามาที่บ้านลำแก่นจะมีสามแยกขวามือไปท่าเรือทับละมุ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ก่อนถึงท่าเรือทับละมุประมาณ 50 เมตร จะมีที่ทำการของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันตั้งอยู่ทางซ้ายมือ

ทางเครื่องบิน
จากท่าอากาศยานกรุงเทพฯ ถึงท่าอากาศยานภูเก็ต จากนั้นเดินทางสู่จังหวัดพังงา โดยรถโดยสารประจำทางหรือรถตู้ (มีรถตู้จากท่าเรือบริการ Transfer รับ - ส่ง ) ถึงท่าเทียบเรือทับละมุ ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร และเดินทางโดยเรือ สปีดโบสท์ ไปอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ในการเดินทางโดยเรือนั้นจะต้องจองล่วงหน้าประมาณ 3 วันอย่างน้อย เพราะเรือจะมีทั้งไป และกลับเพียงแค่เที่ยวเดียวเท่านั้น คือ เที่ยวเช้าเดินทางไปเกาะ เวลา 8.30 น. และเที่ยวกลับจากเกาะเวลา 15.30 น. ( การเดินทางตอนไปเกาะเรือของบางบริษัทอาจจะแวะตามเกาะต่างๆ เพื่อดำน้ำตื้นประมาณ 2-3 เกาะ ) แต่เรือของอุทยานไม่มีให้บริการจะเป็นเรือของบริษัทเอกชนอย่างเดียว

ทางเรือ
จากท่าเรือทับละมุเดินทางไปยังเกาะเมี่ยง (เกาะสี่) ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และเกาะแปด (เกาะสิมิลัน) ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร มีเรือโดยสารของภาคเอกชนให้บริการทุกวันตลอดฤดูกาลท่องเที่ยว (15 พ.ย. - 15 พ.ค.) เรือโดยสารทุกลำจะออกจากท่าเรือพร้อมกันทั้งหมด โดยมีกำหนดเวลาเดินทางจากท่าเรือทับละมุไปเกาะ เวลา 08.30 น. (ขาไป) และเดินจากเกาะไปท่าเรือทับละมุ เวลา 15.00 น. (ขากลับ) ของทุกวันๆ ละ 1 เที่ยว ทั้งเวลาไปและเวลากลับ (เก็บตั๋วเรือเอาไว้แสดงตอนกลับด้วย) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 ชั่วโมง (โดยเรือสปีดโบท) แต่บางบริษัทจะนำนักท่องเที่ยวแวะดำน้ำตามเกาะ ต่างๆ ก่อน เช่น แวะดำน้ำตื้นที่เกาะเก้า ประมาณ 30 นาที รับประทานอาหารและดำน้ำตื้นที่เกาะแปด ประมาณ 1 ชั่วโมง ดำน้ำตื้นที่เกาะเจ็ด ประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงเดินทางเข้าที่พักที่เกาะสี่ เรือจะใช้เวลาประมาณ 3 - 3.5 ชั่วโมง ถึงเกาะสี่ ประมาณ 14.00 น.












วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย (Thai human Imagenary Museum)

Thai human Imagenary Museum

Thai human Imagenary Museum was established by the inspiration of Master Duangkaewpitayakorn Silp and his team. They did researched for more than 10 years to succeed in making human Imagenary from fiberglass that Endure, Neatly and Realistic. This museum shows Thai History, Cultures, Important Person and Character from thai tale.
The exhibition consists of various Thai history sets for example, The Royal Images of Chakri Dynasty Kings, The Enlightenment Monks, and King Rama V, The Great & Independence of Slaves. All models look authentic in every part of their bodies, skin, eyes, arms even hair.
In The first room of Thai human Imagenary Museum, they show Imagenary Important thai Monks. They all look like the real persons who are High level Monk.
The second room is the highlight. They Show Kings of Chakri Dynasty which is the current Dynasty of Thailand. The next room show imagenary Phra Srinagarindra Boromarajajonani, the mother of King Bhumibol Adulyadej.
On the 2nd floor, They show Imagenary of the World important persons such as Mohandas Karamchand Gandhi,Abraham Lincoln, Winston Churchill and more. The next room show ancient Thai cultures such as Kids playing and Thai tale.



พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย





















พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย เกิดจากแรงบันดาลใจของผู้สร้างสรรค์กลุ่มหนึ่งนำโดย อาจารย์ดวงแก้วพิทยากร ศิลป์ ที่สนใจการสร้างหุ่นขี้ผึ้ง และศึกษาค้นคว้าทดลองเป็นเวลานานกว่า 10 ปี จึงประสบความสำเร็จ สามารถสร้างหุ่น ขี้ผึ้งยุคใหม่จากไฟเบอร์กลาสที่มีความคงทน ประณีต งดงาม เหมือนคนจริงที่สุด จนคณะผู้ร่วมงานเห็นสมควรที่ จะสนับสนุนให้ก้าวหน้าต่อไป เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติและศิลปินไทย จึงเริ่มโครงการก่อตั้งพิพิธ ภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ไทยในปี พ.ศ. 2525 สำหรับเป็นสถานที่สร้างและจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส เพื่อการ อนุรักษ์ ส่งเสริม เผยแพร่ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีไทย อันจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าของเยาวชน โดยปัจจุบันมีหุ่นไฟเบอร์กลาสทั้งหมด 120 รูปอาคารพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยนี้เป็นอาคารสองชั้น โดยมีการจัด แสดง ด้วยกันสองชั้นคือ ชั้นล่าง จัดแสดงหุ่นชุดต่างๆ เช่น ชุดพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ราชวงค์จักรี, พระบรมรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, ชุดพระอริยสงฆ์, ชุดมุมหนึ่งของชีวิต เป็นต้น


โซนแรกคือห้องจัดแสดงพระอริยสงฆ์

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

ห้องแสดงต่อไปซึ่งถือเป็นไฮไลด์ของที่นี่ ห้องจัดแสดงพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์

พระบรมราชจักรีวงค์ รัชกาลที่1 ถึงรัชกาลที่ 8


พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

ห้องจัดแสดงต่อไป เป็นห้องหุ่นชุดครอบครัวไทย 


พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

ห้องแสดงหุ่นชุดต่อไปคือ ชุด 3 บุคคลสำคัญของโลก


พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

ห้องจัดแสดงชุดต่อไปเป็นชุดวัฒนธรรมประเพณีไทย เรื่องการละเล่นของไทย  


พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย





ห้องจัดแสดงชุดสุดท้ายที่เป็นโซนไฮไลด์ของชั้นบนก็คงจะเป็นชุดเลิกทาส "Slavery in Thailand" 

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

ข้อมูลทั่วไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย
เปิดเข้าชมทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 - 17.30 น. วันเสาร์- อาทิตย์ ,วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 – 18.00 น.ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 10 บาท พระภิกษุ สามเณร แม่ชี นักบวช นักศึกษาในเครื่องแบบ 20 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 034 332 607 และ 034 332 109

ปราสาทหินพิมาย(Phimai historical park)

Phimai historical park


Within the Park is the Phimai Sanctuary, the largest and one of the most important Khmer historical sites in Thailand.The word Phimai appears in an inscription on a stone slab at the front doorway of the building as well as in many other structures. It is believed that the word Phimai referred to a religious figure or site.   The Phimai Sanctuary is rectangular in shape and is 565 meters wide and 1,030 meters long. It consists of ornately carved sandstone and laterite structures. The most special characteristic of the sanctuary is that it is the only one that faces south while the others usually face east. This is probably because it was built to face the route that the Khmers traveled from the capital of the empire, to the south of Phimai. From stone inscriptions and the architectural style, the Phimai Sanctuary was most likely built at the end of the 11th century during the reign of King Suriyaworaman I. The architectural style is that of the Baphuon style that prospered at the time. However, some characteristics are similar to that of Angkor Wat, which became popular at a later period. Some additions were made to the site in the early 18th Buddhist century during the reign of King Chaiworaman VII when Phimai had close relations with the Khmer Empire. The sanctuary was always a religious site of the Mahayana sect of Buddhism because King Suriyaworaman I and King Chaiworaman VII were followers of the sect.

ปราสาทหินพิมาย




ตั้งอยู่ในตัวอำเภอพิมาย ประกอบด้วยโบราณสถานสมัยขอม ที่ใหญ่โต และงดงามอลังการเป็นแหล่งโบราณคดีที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ บนพื้นที่ 115 ไร่ ตั้งอยู่ในตัวอำเภอพิมาย ประกอบด้วยโบราณสถานสมัยขอมที่ใหญ่โตและงดงามอลังการนั่นคือ “ปราสาทหินพิมาย” แหล่งโบราณคดีที่ ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ บนพื้นที่ 115 ไร่ วางแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 565 เมตร ยาว 1,030 เมตร ชื่อ“พิมาย” น่าจะมาจากคำว่า “วิมาย” หรือ “วิมายปุระ” ที่ปรากฏในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหินตรงกรอบประตู ระเบียงคด ด้านหน้าของปราสาทหินพิมาย และยังปรากฏชื่อในจารึกอื่นอีกหลายแห่ง อาจจะเป็นคำที่ใช้เรียกรูป เคารพหรือศาสนาสถานสิ่งที่เป็นลักษณะพิเศษของปราสาทหินพิมาย คือ ปราสาทหินแห่งนี้สร้างหันหน้าไปทาง ทิศใต้ต่างจาก ปราสาทหินอื่นที่มักหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเพื่อให้หันรับกับเส้นทางที่ตัดมาจาก เมืองยโศธรปุระเมืองหลวงของอาณาจักรเขมรซึ่งเข้าสู่เมือง พิมายทางด้านทิศใต้จากหลักฐานศิลาจารึกและศิลปะ การก่อสร้างบ่งบอกว่าปราสาทหินพิมายคงจะ เริ่มสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ในสมัยพระเจ้า สุริยวรมัน ที่ 1 รูปแบบทางศิลปกรรมของตัวปราสาทเป็น แบบปาปวนซึ่งเป็นศิลปะ ที่รุ่งเรืองในสมัยนั้น โดยมี ลักษณะของศิลปะแบบนครวัตซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยต่อมาปนอยู่บ้าง และมาต่อเติมอีกครั้งในราวต้นพุทธศตวรรษ ที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งครั้งนั้นเมืองพิมายเป็นเมืองซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอาณาจักรเขมร ปราสาทหินแห่งนี้สร้างเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิมหายานมาโดยตลอด เนื่องจากพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงนับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
1. รถยนต์ส่วนตัว   จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี เมื่อถึงตัวเมืองสระบุรีแยกขวาเข้าทาง หลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา ขับตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านห้าง The Mall ขับตรง ไป จากนั้นจะพบป้ายบอกทางให้ไปขอนแก่น ให้ท่านเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทาง เมื่อเลี้ยวซ้ายแล้วขับตรงไป พบทางแยกให้เลี้ยวขวาสู่ถนนมิตรภาพ ( ทางหลวงหมายเลข 2 ) จากนั้นขับตรงไป...มุ่งหน้าสู่อำเภอพิมาย ผ่าน ทางเข้าปราสาทหินพนมวัน ซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ ขับตรงต่อไปอีกจะผ่านทางเข้าแหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท ขับตรงมาเป็นระยะทางประมาณ 51 กิโลเมตร พบแยกไฟแดง เลี้ยวขวาที่แยกนี้ เข้าสู่ถนนหมายเลข 206 จากนั้น ขับตรงไปสู่อำเภอพิมาย จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านขวามือ 

2. รถประจำทาง  จากสถานีขนส่งหมอชิตโดยสารรถประจำทาง สายกรุงเทพฯ-นครราชสีมามีทั้งรถโดยสารธรรมดาและ รถปรับอากาศ ตลอด24 ชั่วโมง และต่อรถโดยสารประจำทางสาย นครราชสีมา-พิมาย-ชุมพวง ซึ่งมีรถถึง 4ทุ่ม ทุกวัน

3. รถไฟ   จากสถานีหัวลำโพง โดยสารรถไฟสายกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี หรือ สุรินทร์ ลงที่สถานีนครราชสีมา และต่อรถ โดยสา ประจำทางสาย นครราชสีมา-พิมาย-ชุมพวง

4. เครื่องบิน จากสนามบินดอนเมือง ไปลงที่สนามบิน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา และต่อรถโดยสารของ สนามบิน เข้าตัวเมือง และต่อรถโดยสารประจำทางสาย นครราชสีมา-พิมาย-ชุมพวง        
อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.30-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศคนละ 40 บาท มีบริการยุวมัคคุเทศก์ซึ่งเป็นนักเรียน จากโรงเรียนพิมายวิทยานำชมสถานที่ฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0 4447 1568  


วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หาดไร่เลย์ (Railay Beach)

Railay Beach 

Railay is rarely known among Thai tourists, unlike the foreigner. Railay was originally recognized as a little village of fishermen on the mainland. Railay is not on an island. As its surroundings by limestone cliffs, people feel alone from prosperity of the town and think of living on an island.
How to get there: only by long-tail boats from Ao Nang or Ao Nam Mao or Krabi Town, if you come from Krabi. By a cruise, if you travel from Koh Phi Phi. Conservative tourists want to preserve this place as it is. So far there is no road access to Railay. Only by boat, you can get there from Ao Nang or Ao Nam Mao (the shell fossil). It depends the monsoon season during Mid of May till late Oct every year.
     Lastly I went here on 17 Apr 2008 to survey further any new resorts or changes, after the previous time in Apr 2006. A lot of foreign tourists are walking along the beach, sun-bathing, taking a trip. All rooms have been fully booked now and then. Tsunami did not negatively affect here much. Contrarily due to limited accommodation in Koh Phi Phi (after Tsunami), tourists chose Railay as their destination instead

                                           หาดไร่เลย์

ไร่เลย์ อ่าวไร่เลย์ หรือ หาดไร่เลย์ อ.เมือง  จ. กระบี่ อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา– หมู่เกาะพีพี ได้ชื่อว่าเป็นเกาะพีพีแห่งที่ 2 ของจังหวัดกระบี่ เป็นหาดที่งดงามด้วยหินผาสูงตระหง่าน และถือว่าเป็นแหล่งกีฬาปีนผาที่ลือชื่อ ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติต่างให้ความสนใจอยากมาลองสัมผัสประสบการณ์อันน่าท้าทายนี้

การเดินทางไปเที่ยวไร่เลย์ สามารถนั่งเรือได้ที่ท่าเรือหางยาวที่สะพานเจ้าฟ้า ตัวเมืองกระบี่ ค่าโดยสารประมาณ 100 บาท หรือที่ อ่าวนาง และอ่าวน้ำเมา ค่าเรือโดยสารประมาณ 50 บาท ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10-15 นาที หรือเหมาเรือจากไร่เลย์ ออกไปดำน้ำตามเกาะใกล้ๆ เช่น เกาะปอดะ, เกาะไก่ ซึ่งเป็นจุดดำน้ำที่นิยมของนักท่องเที่ยว
“หาดไร่เลย์” ประกอบด้วยหาดทรายซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ด้าน และมีโรงแรมที่พักทั้ง 2 หาด ในราคาระดับปานกลางถึงระดับห้าดาว ด้านหาดไร่เลย์ตะวันตกและด้านหาดไร่เลย์ตะวันออก เป็นหาดที่โค้งเข้าหากันมีทางเดินเล็กๆ สามารถเดินเชื่อมทะลุถึงกันได้ ตรงช่องทางเดินด้านข้างโรงแรมรายาวดี เมื่อเดินผ่านมาจะสังเกตเห็นทางและป้ายที่บอกว่า สามารถปีนขึ้นไปชมลากูน (ทะเลปิด) ได้
ถ้านักท่องเที่ยวนั่งเรือหางยาวมาจาก ท่าเรืออ่าวนาง จะมาขึ้นฝั่งที่ไร่เลย์ตะวันตก และถ้านักท่องเที่ยวนั่งเรือหางยาวมาจากท่าเรืออ่าวน้ำเมา จะมาขึ้นฝั่งที่ฝั่งไร่เลย์ตะวันออก ซึ่งนักท่องเที่ยวควรที่จะรู้และมีข้อมูลว่าได้จองห้องพักและสถานที่ตั้งอยู่ในหาดไร่เลย์ตะวันออกหรือหาดไร่เลย์ตะวันตก เพราะจะสะดวกเวลาเช็คอินเข้าที่พัก



ที่พักแนะนำ

อัญญาวีไร่เลย์รีสอร์ท   อัญญาวีไร่เลย์มีสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ขนาดใหญ่ มองเห็นวิวของทั่วเกาะบนเส้นขอบฟ้าและร้านอาหารริมทะเล ในบริเวณนี้ยังล้อมรอบไปด้วยต้นปาล์มและสวนเขตร้อนตามธรรมชาติที่สวยงามทุกห้องพักมีเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น ทีวีสัญญาณดาวเทียมและตู้นิรภัยดิจิตอลรีสอร์ทตั้งอยู่บนทำเลที่สามารถไปถึงได้หลายหาดของไร่เลย์ตะวันตกและถ้ำพระนางราคาเริ่มต้นที่ 1,130 บาท/คืน






ไร่เลย์ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปาไร่เลย์เบย์รีสอร์ท ติดหาดไร่เลย์ฝั่งตะวันตก ภาพใต้ร่มเงาทิวต้นมะพร้าว บังกะโลเป็นหลังๆ หรือจะเป็นห้อง Deluxe Building อันโอ่งโถงสะดวกสะบายมีสระว่ายน้ำ ฟรีอินเตอร์เนต Wi-fi ห้องอาหารบริการอาหารนานาชาติ อาหารซีฟู้ดสด ๆ 
ห้องพัก มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ ตั้งแต่ ห้องดีลักซ์-ห้องสวีท-ห้องพูลวิลล่า ราคาเริ่มต้นที่ 2,750 บาท/คืน 





ซันไรส์ ทรอปิคอล รีสอร์ท อาณาจักรส่วนตัวขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในร่มเงาของสวนสวยงามร่มรื่นและติดกับหาดทรายขาวที่นุ่มมากของอ่าวไร่เลย์ตะวันออก ด้วยแรงบันดาลใจของบ้านสไตล์ไทยแบบภาคเหนือ ซันไรส์ ทรอปิคอล รีสอร์ท มอบความสุขและความสะดวกสบายด้วยห้องพัก 28 ห้อง ที่ที่สงบเงียบผสมผสานกับธรรมชาติในบ้านทรงไทยแบบภาคเหนือ และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องได้แก่ เครื่องปรับอากาศ รูมเซอร์วิส อุปกรณ์ชงชากาแฟ เครื่องทำน้ำอุ่น อ่างอาบน้ำและบริการอื่นๆ นอกจากนี้เรายังมีร้านอาหารภายของโรงแรมเองและบริการสำหรับการท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น บริการเรือ บริการอินเทอร์เน็ตและรับส่งสนามบินราคาเริ่มต้นที่ 1,870 บาท/คืน




วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เขาค้อ(Khao Kho)

Khao Kho เขาค้อ


Khao Kho includes various small and large mountains of the Phetchabun range in Khao Kho district. The reason it is called “Khao Kho” is because there are a lot of “Ton Kho” – Mountain Serdang (Livistona speciosa). Due to the chilly temperature throughout the year, and its coolness in the winter with beautiful scenery, it is one of the most famous tourist attractions in Phetchabun.


Khao Kho comprises complex mountain ranges. Its summit is 1,174 metres above sea level. Khao Ya is 1,290 metres, while Khao Yai is 865 metres. Moreover, there is Khao Takhian Ngo, Khao Hin Tang Bat, Khao Huai Sai and Khao Um Phae. The forests in this area are deciduous dipterocarp forest, pine forest and evergreen forest. The interesting point is the plants in the Family Palmae which seem like the Asian Palmyra Palm, but they bear fruits in bunches similar to betel nuts. Although, at present a large area of forests has already been cut down, some are still to be seen.

Interesting attractions at Khao Kho are as follows:
The Haw Memorialis a memorial statue for the militiamen from the Special Forces, Division 93, who helped fight within the Khao Kho area and died. It is located a little after Km. 23 on Highway 2196.



Than Itthi (Weapon Museum) is situated a bit after Km. 28 on Highway 2196. Turn right into Highway 2323 for 3 kilometres. It is a viewpoint where beautiful scenery can be seen and was once an important strategic base in the past. At present, it is a weapon museum, displaying the cannons, military tank remains and weapons used in the battle on Khao Kho. There is also a briefing room for a group visit. It is open daily, costing 10 Baht a person.


เขาค้อ


เขาค้อเป็นชื่อเรียกรวมบริเวณเทือกเขาน้อยใหญ่ของทิวเขาเพชรบูรณ์ มีพื้นที่อยู่ในเขตอ.เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เหตุที่เรียกเขาค้อเพราะสภาพในป่านั้นมีต้นค้อขึ้นมากกว่าพื้นที่อื่น ภูเขาที่สำคัญในเทือกนี้ได้แก่ เขาค้อ มียอดเขาสูงประมาณ 1,174 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เขาย่า มียอดสูงประมาณ 1,290 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และเขาใหญ่สูงประมาณ 865 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล นอกจากนั้นก็มี เขาตะเคียนโง๊ะ เขาหินตั้งบาตร เขาห้วยทราย เขาอุ้มแพ เป็นต้น ลักษณะป่าไม้ในแถบนี้มีเขตป่าเต็งรังหรือป่าไม้สลัดใบ ป่าสน และป่าดิบที่น่าสนใจคือ พันธุ์ไม้ ตระกูลปาล์ม ลักษณะคล้ายต้นตาล แต่ออกผลเป็นทะลายคล้ายหมาก แม้ปัจจุบันป่าจะถูกถางไปมากแล้วก็ตาม แต่ในเขตเขาค้อก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง ภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นตลอดปี และค่อนข้างเย็นจัดในฤดูหนาว


การเดินทาง

จากเพชรบูรณ์ - เขาค้อ


ใช้เส้นทางหลวงหมาย เลข 21 (สระบุรี - หล่มสัก) ถึงสามยกนางั่ว ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปตาม ทางหลวงหมายเลข 2258 จะผ่านเนินมหัศจรรย์ จุดชมวิวตลาดพืชผลทางการเกษตร จนถึงสี่แยกสะเดาะพง ถ้าตรงไปจะเห็นทางแยกเข้าพระตำหนักเขาค้อ แต่ถ้าเลี้ยวขวา ไปตามทางหลวง หมายเลข 2196 จะผ่านแยกทางขวา เข้าหอสมุดนานาชาติเขาค้อ ตรงไปถึงสามแยกรื่นฤดี แล้วเลี้ยวซ้าย ผ่านพิพิธภัณฑ์อาวุธ และอนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ เมื่อตรงไปจะผ่านที่ว่าการอำเภอเขาค้อ หน่วยราชการต่างๆ และผ่านพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก และไร่ บี.เอ็น.

รถสองแถว

จาก อ.เมือง - เขาค้อ

นั่งรถสองแถวสายเพชรบูรณ์ - เขาค้อ ค่ารถโดยสารประมาณ 50 - 60 บาท จะผ่านเนินมหัศจรรย์ จุดชมวิวตลาดพืชผลทางการเกษตร สามแยกรื่นฤดี หอสมุดนานาชาติเขาค้อ ไปสุดสายที่ตลาดพัฒนาเยื้องที่ว่าการอำเภอเขาค้อ หากต้องการเที่ยวทั่วบริเวณเขาค้อ ควรเหมารถสองแถวเที่ยวจะสะดวกกว่า ราคาเหมาประมาณ 700 - 800 บาท/วัน

จาก อ.หล่มสัก - เขาค้อ

นั่งรถสองแถวสายหล่มสัก - แคมป์สน ไปลงที่สามแยกแคมป์สน ค่ารถประมาณ 35 - 40 บาท แล้วต่อรถสองแถวสายแคมป์สน - เขาค้อ ค่ารถประมาณ 10 - 20 บาท รถจะผ่านไร่ บี.เอ็น. ไปสุดสายที่ว่าการอำเภอเขาค้อ หากต้องการเที่ยวทั่วบริเวณเขาค้อ ควรเหมารถสองแถวเที่ยวจะสะดวกกว่า ราคาเหมาประมาณ 700 - 800 บาท/วัน

การเช่ารถ

ทั้งนี้ สามารถเช่ารถสองแถวได้ที่ตัวเมืองเพชรบูรณ์ (หน้าวัดมหาธาตุ) สามแยกนางั่ว หรือปากทางแคมป์สน กิโลเมตรที่ 100 รถสองแถว จะนำท่องเที่ยวบนเขาค้อ โดยนำชมจุดต่างๆ ที่สำคัญ ราคาประมาณ 600 - 900 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) บรรทุกได้ประมาณ 10 - 12 คน/คัน

ที่พักบนเขาค้อ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักบนเขาค้อนั้น ที่นี่มีรีสอร์ตที่พักให้เลือกเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณตำบลทุ่งสมอและแคมป์สน ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อประมาณ 30 กิโลเมตร ที่พักที่อยู่ใกล้ที่สุดได้แก่ บ้านพักทหารม้า กิโลเมตรที่ 28 ทางหลวงสาย 2196 กองพลทหารม้าที่ 28 และเรือนพักผู้ติดตามอยู่ใกล้กับพระตำหนักเขาค้อและเขาย่า นอกจากนี้ ยังมีรีสอร์ทต่างๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามเส้นทางขึ้นเขาค้ออีกด้วย

สถานที่น่าสนใจบริเวณเขาค้อ

ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ)





อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ






หอสมุดนานาชาติเขาค้อ




พระตำหนักเขาค้อ







วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เกาะสีชัง (Koh Sichang)




Koh Sichang เกาะสีชัง



Situated in the Gulf of Thailand, its proximity to the shipping lanes has made it a convenient anchorage for dozensof barges which trans-ship their cargoes to lighters for the trip up the Chao Phraya to Bangkok. Ko Si Chang makes a nice weekend outing for local tourists.
While the beaches are not as enjoyable as those on islands further east and south, such as Ko Samet, tourists can explore the remains of a former royal palace which was built as a summer retreat for King Chulalongkorn. The royal residence was abandoned in 1893 when the French occupied the island during a conflict with Thailand over who would control Laos. The island also has many places of religious interest and value.
Please be respectful of the local culture and wear modest clothes when visiting the temples and religious shrines. Always remove your shoes and cover your shoulders when entering a holy area. Refraining from topless or nude sunbathing/swimming would also be polite.
Get in
By Bus
You can catch a government bus from Bangkok's Northern Bus Terminal (Mo Chit) or Eastern Bus Terminal (Ekamai). Both stations have buses that leave everyday, on the hour. The trip to Sri Racha takes about 2 hours. At Mo Chit proceed to window 54 to purchase your ticket. Tickets are 92/88 baht one way from Mo Chit/Ekamai and there is no discount for buying a return fare.
From Ekkamai runs Minibus hourly to Sriracha for 130B.
By Boat
Upon arrival in Sri Racha, take a tuk-tuk for 50 baht to the pier. Boats to Ko Si Chang leave hourly (or every two hours in low season) from the pier on Ko Loy. The ferry takes about 40 minutes and is 50 baht per person each way.
The information counter at the pier in Ko Si Chang provides necessary information and a brochure carrying the information of five important locations of the island written in Thai and English. This counter may not be open in low season.
When leaving the island be careful. The ferry may leave from a different pier than you came on. It's best to ask a local motorbike taxi driver when you are close to the piers. He/she will direct you.
By Tuk-tuk Motorcycle buffs will be intrigued by the strange motorcycle samlors peculiar to Ko Si Chang, three wheeled motorized rickshaws with outrageously powerful automobile or motorcycle engines. These once roamed the streets of Bangkok but were banished to Sri Racha years ago. They can be hired for about 60 baht an hour to take visitors on a tour of the island.
For group of tourists, one day around the island transport package can be arranged at the pier. The charge for the three-wheeled motorized tuk-tuk, which can accommodate 5 persons, is around 250 baht, and for the pick-up truck, which can accommodate 10 persons, is around 500 baht. Tourists can spend their own time at each location, and the pick-up time to the next location has to be discussed beforehand (as you get off at the location) or you can call the driver's mobile phone when finished at a spot.
By Motorcycle By far the most popular to get around the island is by renting a motorcycle, usually priced at around 300 baht/day. While there are a few steep hills, the island is easily navigated by a novice motorcycle driver. Motorcycles can be rented at the pier, or at many guest houses or rental facilities along the main road
By Foot For visitors who have more time or want to see the island at a slower pace, the island is easily navigated by foot. All of the island's main attractions can be seen in one day, and you can get pretty much anywhere on the island in less than an hour.
เกาะสีชัง

เกาะสีชัง สถานต่างอากาศที่มีชื่อเสียง;เกาะสีชังเป็นสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมานานนับร้อยปีจนถึงปัจจุบัน มีธรรมชาติความงดงามแตกต่างไปจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ มีบรรยากาศที่สงบเงียบ อากาศบริสุทธิ์ มีสถานที่ ท่องเที่ยวอันงดงาม เกาะสีชังเป็นท้องที่ที่มีความสำคัญทาประวัติศาสตร์เพราะเป็นสถานที่ประทับ ของพระเจ้า แผ่นดินถึง 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ซึ่งมีหลักฐานปรากฏจากพระนามาภิไธยหลาย แห่ง และ รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก เพื่อเป็นสถานที่ประทับใน ฤดูร้อน และพระราช ทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติบนเกาะสีชังแห่งนี้ เกาะสีชัง เป็นเกาะใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร ประกอบ ด้วย เกาะสีชัง และเกาะบริวารน้อยใหญ่อีก 8 เกาะ คือ เกาะยายท้าว เกาะค้างคาว เกาะท้ายตาหมื่น เกาะปรง เกาะขามใหญ่ เกาะขามน้อย เกาะสัมปันยื้อ และเกาะร้านดอกไม้ เป็นที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ และเป็น เกาะที่น่า ท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้ 
สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง 
1.พระจุฑาธุชราชฐาน
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเกาะสีชัง ห่างจากท่าเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นท่ีี่ประทับในฤดูร้อน มีสิ่งก่อสร้างตั้งอยู่ตามชั้นเนินเขาที่สูงต่ำลดหลั่นกันอย่างงดงามประกอบด้วยพระที่นั่ง 4 องค์ พระตำหนัก 14 หลัง ศาลา 1 หลัง มีสวนดอกไม้ สระ ธารน้ำ น้ำพุ ถ้ำและหน้าผา ภายในบริเวณมีสภาพ ภูมิทัศน์ที่งดงามตกแต่งตามลักษณะอุทยานในพระราชวังของประเทศตะวันตก ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างดังต่อไปนี้
เรือนเขียว
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเสด็จมายังเกาะสีชังเป็นประจำโดยเรือกลไฟ และประทับแรมบนเรือ พระที่นั่งโดย มิได้สร้าง สร้างพลับพลาที่ประทับ แต่ในเวลานั้นก็มีเรือนไม้พักผ่อนริมทะเล ปลูกสร้างอยู่แล้วหลังหนึ่ง คือ "เรือนเขียว" ปัจจุบันยังอยู่และมีสภาพที่เรียบร้อยสมบูรณ์


สะพานอัษฎางค์
อยู่ในบริเวณพระตำหนัก เป็นสะพานที่รัชกาลที่ 5 ท่านทรงใช้เป็นท่าขื้นเทียบเรือหลังจากที่เสด็จประพาสฝรั่งเศส ที่เห็นนี่คือบูรณะใหม่ทั้งหมดแล้ว แต่ว่ายังคงรูปแบบสภาพเดิมทั้งหมด

พระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางค์นิมิตร
เป็นพระอุโบสถที่อยู่ในเขตพระราชวัง มีลักษณะแตกต่างจากที่อื่น คือ พระอุโบสถอยู่ใต้เจดีย์ทรงกลมแบบ ลังกาตัวพระ อุโบสถสร้างแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บริเวณพระเจดีย์อุโบสถยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งนำหน่อ มาจากพุทธคยา ประเทศอินเดียปลูกไว้ด้วย พระเจดีย์อุโบสถนี้ที่ตั้งอยู่บนเขา ณ ตำแหน่งที่สูงมองเห็นได้ชัด และจากองค์พระเจดีย์ สามารถมองเห็นทัศนียภาพบริเวณพระราชฐานโดยรอบ รวมถึงภูมิทัศน์ทางทะเลที่สวย


 ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ตั้งอยู่บนเขาห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย จากบริเวณศาลมองเห็น ทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้ชัดเจน 

มณฑปรอยพระพุทธบาท
อยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาเดียวกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ บนยอดเขาเป็น จุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ 

ช่องเขาขาด
ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณมีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์สามารถ ชม พระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลม ๆ ขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตเคยเป็น ที่ตั้ง พลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5

แหลมมหาวชิราวุธ
แหลมมหาวชิราวุธ คล้ายกับแหลมพรมเทพ แต่เล็กกว่าเป็นแหลมที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะสีชัง มีสะพาน ที่ทอดยาวยื่นออกไปยังแหลม นักท่องเที่ยวนิยมไปตกปลาที่นั่นกันมากเพราะเป็นโขดหินมากมายเป็นแหล่งที่อยู่ อาศัยของฝูงปลาหลายชนิด และสวยงามเป็นอย่างมาก แหลมสลิดยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็นอีก ด้วยในฤดูหนาวพระอาทิตย์ตกน้ำจะมีดวงใหญ่โตเป็นพิเศษ

หาดถ้ำเขาพัง
ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเกาะ เป็นชายหาดกว้าง สะอาดและสวยงาม มีทรายละเอียด น้ำใสสะอาดเหมาะแก่ การเล่นน้ำการเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชังอยู่ห่างกันพอสมควร จะสะดวก มาก หากจะเช่ารถสามล้อเครื่องจากท่าเทียบเรือไปชมสถานที่ต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษก็เที่ยวได้ทั่วเกาะ ค่าเช่ารถสามล้อเครื่อง คิดเป็นรอบ ๆ ละประมาณ 150-250 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและระยะทาง


แหลมจักรพงษ์
เป็นแหลมที่สวยงามอีกแห่ง เลยหาดถ้ำพัง ไปทางทิศตะวันตก ใช้เส้นทางเดียวกันกับเส้นทางไปหาดถ้ำพัง บริเวณริมฝั่ง ทะเลจะเป็นโขดหินขนาดใหญ่ สวยงาม เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่สวยงามและมีจุดพักของ นักท่องเที่ยวปลูก เป็นกระโจมเล็กๆกลมกลืนกับบรรยากาศ ได้อย่างสวยงสมและลงตัวลงตัว


สีชังพาเลซ 81 หมู่ 1 ถ.อัษฏางค์ ต.เทววงษ์ โทร 081 403 4111,081 372 7087,038 216 030
www.sichangpalace.com
มาลีบูฮัท โทร โทร 081-654-2211, 085-092-9424 http://www.maleeblue.com
พวงพยอมพวงพยอม ซีบีช รีสอทร์ โทร 081 864 3731,081 723 5726 http://www.topthaitravel.com/puangpayom.html
เกาะสีชังรีสอร์ท โทร 089 125 6598 , 087 148 7474 ,085 973 1403 http://www.kohsichangresort.com
เบนส์ บังกะโล 80 หมู่ 3 ถ.อัษฏางค์ ต.เทววงษ์ โทร. 0 3821 6091
ทิวไผ่ เกสท์เฮ้าส์ 8 หมู่ 2 ต.เทววงษ์ โทร. 0 38 216 084-5
ศรีพิษณุ 28/2 หมู่ 3 ต.เทววงษ์ โทร. 038 216 034 โทรสาร 0 3821 6336
ถ้ำพังบีช รีสอร์ท 169 หมู่ 3 ต.ท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี 20120 โทร. 089 142 7553, 081 860 7360
081 863 3360
สีชังวิวรีสอร์ท 91 หมู่ 6 ต.เทววงษ์ โทร. 038 216 210-1 ,086-555-6578 http://www.sichangview.com
กรีนเฮ้าส์ บังกะโล 84 หมู่ 6 ต.เทววงษ์ โทร. 038 216 024